เปิดเทคนิค 'กินโยเกิร์ต' อย่างไร ช่วยลดน้ำหนักได้
การรับประทานโยเกิร์ตแทนอาหารไขมันสูง-โปรตีนต่ำช่วยลดน้ำหนักได้
ข้อมูลจาก National library of medicine เปิดเผยการศึกษาให้ผู้หญิงที่มีสุขภาพดี 20 คน ด้วยการกินโยเกิร์ต 160 แคลอรี่ (6 ออนซ์หรือ 159 กรัม) เป็นอาหารว่างยามบ่าย โดยวัดปริมาณแคลอรี่ที่เท่ากันจากแครกเกอร์และช็อกโกแลตที่มีไขมันสูง เมื่อกินโยเกิร์ต ผู้หญิงรายงานว่ารู้สึกอิ่มนานขึ้น นอกจากนี้ พวกเขาบริโภคแคลอรี่น้อยลงโดยเฉลี่ย 100 แคลอรีในมื้อเย็นภาพประกอบเท่านั้นไม่เกี่ยวกับเนื้อหาที่ลงไว้ |
ดังนั้นการแทนที่อาหารขบเคี้ยวอื่น ๆ ด้วยโยเกิร์ตอาจช่วยให้คุณควบคุมความอยากอาหารและบริโภคแคลอรี่น้อยลง โดยใช้โยเกิร์ต 1 ถ้วยรับประทานระหว่างมื้อตอนบ่ายๆ จะช่วยลดอาการอย่างรับประทานขนมขบเคี้ยว และ ส่งผลให้ รับประทานอาหารเย็นน้อยลง จากความอิ่มที่ได้มาจากโปรตีนในโยเกิร์ต
กินโยเกิร์ตอย่างไร ให้อร่อยไม่ซ้ำซากจำเจแถมได้ประโยชน์
- เติมผลเบอร์รี่ ถั่ว และเมล็ดพืชสำหรับ การกินโยเกิร์ตในมื้อเช้าหรือการกินเป็นอาหารว่าง- เพิ่มลงในสมูทตี้
- ใส่ในข้าวโอ๊ตร้อนๆ หรือ แพนเค้กโปรตีน หรือ วาฟเฟิลที่ทำจากธัญพืชเต็มเมล็ดพร้อมโยเกิร์ตหนึ่งก้อน
- ผสมกับสมุนไพรและเครื่องปรุงรสเพื่อทำน้ำจิ้ม, น้ำสลัด
- ใช้แทนเนยในขนมอบ เช่น มัฟฟินและขนมปัง
ข้อควรระวังในการกินโยเกิร์ตเพื่อการลดน้ำหนัก
แม้ว่าโยเกิร์ตสามารถเป็นส่วนหนึ่งของอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการได้ แต่ผลิตภัณฑ์บางชนิดก็ไม่ดีต่อสุขภาพ มีโยเกิร์ตจำนวนมากเพิ่มปริมาณน้ำตาลจนสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในโยเกิร์ตที่ปราศจากไขมันและรสไขมันต่ำ ดังนั้นควรอ่านฉลากผลิตภัณฑ์ก่อนที่จะเลือกซื้อมารับประทานในระหว่างการลดน้ำหนัก
โดยสรุปแล้วโยเกิร์ตเป็นแหล่งแคลเซียม โปรตีน และโปรไบโอติกชั้นเยี่ยม ได้รับการยกย่องว่าเป็น 'อาหารช่วยลดน้ำหนัก' โยเกิร์ตจะมีประโยชน์มากที่สุดสำหรับการลดน้ำหนักเมื่อใช้แทนอาหารที่มีแคลอรีสูงและมีโปรตีนต่ำ โดยใช้ ‘ทดแทน’ อาหารที่มีแคลอรี-ไขมันสูง ไม่ใช่กินเท่าเดิมแต่ ‘เพิ่ม’ เข้าไปในมื้ออาหาร
โยเกิร์ตจะช่วยให้คุณรู้สึกอิ่มได้นานขึ้น ผลิตภัณฑ์จากนมนี้อาจทำให้คุณกินแคลอรี่น้อยลงได้ตลอดทั้งวัน
การบริโภคโยเกิร์ตเป็นประจำยังช่วยลดความเสี่ยงของน้ำหนักเกิน,โรคอ้วนและเป็นส่วนหนึ่งของ “การรับประทานอาหารที่สมดุล” แต่มีคุณภาพ ได้สารอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการในระหว่างการลดน้ำหนัก
ข้อมูลจาก : www.healthline.com , Food data Center (USDA), National library of medicine
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น