การกินอาหารเป็นการเสริมภูมิร่างกาย


ถ้าเราเรียนเรื่องโภชนาการ เราจะเข้าใจเรื่องการกินดี (อาหารมีประโยชน์)
อยู่ดีสภาวะร่างกายสมดุลด้วยอากาศที่ปลอดโปร่ง สถานที่ที่สะอาด เสื้อผ้าที่เหมาะกับอากาศในแต่ละฤดู สวมใส่สบายไม่รัดรึงร่างกายจนอึดอัด ออกกำลังกายที่เหมาะสม นอนหลับในยามค่ำคืน ไม่ฝืนร่างกายเล่นแต่เกม ดูหนัง ทำงานมาก...สิ่งเหล่านี้ถือว่าเป็นปราการป้องกันในระดับหนึ่ง อ้อรวมทั้งอารมณ์ที่เกิดในขณะนี้ คือ เครียด หวาดผวา หงุดหงิด วิตกกังวล โกรธผู้ที่ไม่รับผิดชอบในการกักตัว..ล้วนทำให้ภูมิตกค่ะ
.
และเหตุสำคัญที่ทำให้ภูมิตกจนเป็นการป่วยไข้ก็เพราะภูมิคุ้มกันตกไปจากเหตุผลที่เราทำตรงข้ามในสิ่งที่ควรเป็นไปตามธรรมชาติ ก็เพราะกินอาหารที่ไม่ช่วยส่งเสริมภูมิคุ้มกันด้วยเช่นกัน ในช่วงเปลี่ยนฤดูองค์ความรู้ของศาสตร์ แพทย์แผนไทยมักนำเสนอ อาหารเป็นยา มันคือเอาสรรพคุณสมุนไพรมาทำเป็น โอสถสารป้องกันภูมิคุ้มกันนั่นเอง ให้เราปรับตัวกับสภาพอากาศที่มาหล่อเลี้ยงตัวเราในแต่ละฤดูต่างๆ แผนไทยจึงเล่าเรื่อง ป่วยจากการทำมูลเหตุ ๘ ประการ
.
ประเด็นคือ อาหารต้องหลากหลายที่ระบบรับความรู้สึกรับได้



- รูปของสมุนไพร จะเป็นตัวบอกว่าควรเลือกกินสิ่งไหน กินพืชหัว กินใบ กินดอก กินเมล็ด มีสรรพคุณต่างกันตามธรรมชาติ
- สีของอาหาร แต่ละสีจะมีความต่างในเรื่องสารสำคัญตามที่ร่างกายต้องการ นำไปปรับแก้ไขส่วนที่สึกหรอไปให้กลับมาสมดุลอีกครั้ง
- กลิ่นนี่ก็สำคัญมาก โดยเฉพาะเครื่องแกงต่างๆ ทำให้เกิดการปรุงอาหารให้น่ากิน มีส่วนให้โล่งจมูก ช่วยสมองให้ฟื้นฟู
- รสชาดตามสรรพคุณอาหาร มี ๖ รส แต่เราจะเน้นว่าจะรสไหนไปเด่นในเรื่องใดๆ โดยนำสมุนไพรที่ต้องการมาใส่ในกับข้าว เครื่องแกง ต่างๆ อันนี้เรียกป้องกัน
.
แต่ถ้าป่วยแล้ว เราก็จะมีอาหารเป็นการบำรุงส่วนที่พร่องไปเช่น มีปัญหาเรื่อง ปิตตะ เน้น ขม เสมหะ เน้นเปรี้ยว วาตะเน้นเผ็ดร้อน ตามสรรพคุณของสมุนไพรที่เราต้องการ กินตามฤดูกาล จึงขอแนะนำ ก่อนกินอะไรพิจารณาในเรื่องสรรพคุณทางยา รส ที่ได้จากสมุนไพร ตามความเชื่อของศาสตร์ทางเลือกต่างๆ มันสำคัญกว่าความอร่อยลิ้นตามใจปากมากค่ะ
บทความ อ. ปณิตา ถนอมวงษ์
เครดิตภาพ ทางอินเตอร์เนต